น้ำพริกกะปิ เป็นเมนูคู่บ้าน คู่ครัวไทย หรือแม้กระทั่งร้านอาหารไทยที่มักจะทำ น้ำพริกกะปิ ไว้ให้ลูกค้าตักเอง น้ำพริกกะปิ กินกับข้าวสวยอุ่นๆ ก็อร่อย กินแกล้มกับผักจิ้มหรือปลาทูก็เข้ากัน
ใครอยากทำ น้ำพริกกะปิ ไว้กินเองที่บ้านง่ายๆ มาดูวิธีทำไปพร้อมๆ กันวิธีทำ น้ำพริกกะปิ สูตรโบราณ
วัตถุดิบทำน้ำพริกกะปิสูตรโบราณ
1. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
3. กระเทียม 1 หัวใหญ่
4. หอมแดง 2-3 หัว
5. พริกขี้หนูสวน
6. น้ำปลา
7. มะนาว 2-3 ลูก
8. น้ำเปล่าต้มสุก หรือน้ำอุ่น 1 ถ้วย
9. มะเขือพวง
วิธีทำน้ำพริกกะปิง่ายๆ
เริ่มต้นแกะกระเทียม หัวหอมแดง พริกขี้หนู ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และกะปิลงในครก ตามด้วยน้ำมะนาว ตำให้เข้ากัน ใส่มะเขือพวง เติมน้ำปลา 3-4 หยด เติมน้ำอุ่นค่อยๆ คน ชิมรสชาติให้เข้ากัน
เคล็ดลับวิธีทำน้ำพริกกะปิให้อร่อย
ให้ใส่ น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำกระเทียมดอง เพื่อเพิ่มรสชาติหวานนิดๆ ให้กับน้ำพริกกะปิ แต่หากใครชอบอมเปรี้ยว ก็บีบมะนาวเติมในตอนท้าย สูตรน้ำพริกกะปิไม่มีตายตัว ปรับแต่งได้ตามความชอบ
กะปิในปัจจุบันนี้มีอยู่2ประเภท คือ
1. กะปิที่ทำมาจากเคยหรือกะปิแท้ กะปิแท้ทำมาจากตัวเคย เป็นจำพวกกุ้งทะเลตัวเล็ก ๆ ชาวประมงเรียกว่าตัวเคย การทำก็คือนำตัวเคยมาหมักกับเกลือเม็ด ในอัตราส่วน ตัวเคย 15 กิโลกรัมต่อเกลือเม็ด 1 กิโลกรัม จะไม่ใช้เกลือป่น ต้องใช้เกลือเม็ด ก็เพื่อให้เกลือเม็ดค่อย ๆ ละลายแทรกอยู่ในเคย กองหมักไว้ 1 คืน และนำไปตากแดด จนกว่าจะแห้งเรียกว่าแห้งพอหมาดๆ นำไปบดให้ละเอียด ถ้าตัวเคยที่นำมาหมักนั้น ยังใหม่และสด กะปิที่ได้ก็จะมีสีสวย ไม่มีสีคล้ำ แต่บางครั้งตัวเคยที่นำมาทำนั้นไม่สด สีกะปิที่ได้จะไม่สวยดูเป็นสีคล้ำมาก (ออกแกมม่วงดำหรือแดงเข้ม) จึงมีการนำสีมาใส่ลงไปเพื่อให้กะปิมีสีสวย ไม่คล้ำ สีค่อนข้างจะสดเห็นได้ชัดและสีที่ใช้บางครั้งเราที่เป็นผู้บริโภคก็ไม่ทราบว่าผู้ผลิตใช่สีอะไร หรือใส่สารกันบูดลงไปด้วย ซึ่งป็นอันตรายสำหรับผู้บริโภค
2. กะปิที่ทำมาจากปลา เป็นการนำเนื้อปลาต่าง ๆ รวม ๆ กัน ร้อยละ 70 ผสมกับเกลืออีกร้อยละ 30 นำไปบดหมักทิ้งไว้ 2 – 3 วัน แล้วนำไปตากแดดจนแห้งหมาด ๆ นำมาบดอีกครั้งจนละเอียด ก็จะได้กะปิปลา สีของกะปิชนิดนี้จะมีสีคล้ำค่อนข้างดำ ดูแล้วไม่น่ารับประทาน ดังนั้นผู้ผลิตจะนำมาปรุงแต่งด้วยสี และมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีก เช่น แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า เพื่อพยายามให้ดูคล้ายกับกะปิที่ทำจากตัวเคย แต่ถ้าพิจารณาให้ดีก็จะเห็นข้อแตกต่างกัน กะปิปลาเนื้อละเอียด แต่กะปิแท้เนื้อหยาบ ๆ บางครั้งมองเห็นตัวเคยอยู่ด้วย การทำกะปิบางแห่งมีการใส่สีลงไปด้วย กะปิที่ใส่สีมักจะเป็นกะปิที่มีสีคล้ำออกม่วงดำหรือแดงเข้ม ผู้ผลิตต้องการที่จะอำพรางผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็นกะปิแท้ และสีที่ใส่เป็นสีที่ไม่อนุญาตให้ใส่ในอาหาร ซึ่งนับว่าเป็นการฝ่าฝืนประกาศของกระทรวงสาธารณสุข และยังไม่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคด้วย ต่อไปถ้าจะซื้อกะปิก็ขอให้พิจารณาให้ละเอียดรอบคอบว่าเป็นกะปิแท้ หรือ กะปิใส่สี
ที่มาของกะปิ
กะปิ คิดขึ้นโดยชาวประมง ที่ต้องการจะดองกุ้งที่จับมาได้เพื่อเอาไว้รับประทานได้ในระยะเวลานาน ๆ หรือ อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งกล่าวว่าเนื่องจากไม่สามารถขายกุ้งได้หมด จึงทำการดองเอาไว้ ไม่ว่าข้อสันนิษฐานจะเป็นอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงคือ กะปิเป็นตำรับอาหารของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปัจจุบัน กะปิ จึงกลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหาร
ที่มา
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ annapolisholidayhomes.com